Last updated: 24 พ.ค. 2567 | 5130 จำนวนผู้เข้าชม |
6 อาการที่มักเกิดขึ้นหลังคลอด
ช่วงหลังคลอดเป็นช่วงที่ร่างกายของคุณแม่มีการเปลี่ยนแปลงอีกครั้ง ดังนั้นคุณแม่จึงควรสังเกตสิ่งต่างๆ ที่เกิดขึ้นกับร่างกายอย่างสม่ำเสมอ หากพบสิ่งผิดปกติจะได้ทำการรักษาได้ทันท่วงที สำหรับอาการโดยปกติทั่วไปที่เกิดขึ้นหลังคลอด ที่อาจจะมีได้แก่
1.เลือดออกที่ช่องคลอด คุณแม่จะพบว่าหลังคลอด จะมีเลือดไหลออกมาจากช่องคลอดเหมือนประจำเดือน ซึ่งในช่วงแรกอาจจะมีสีแดงสด จากนั้นจะค่อยๆ เปลี่ยนเป็นสีน้ำตาล ซึ่งจะจางลงและมีปริมาณน้อยลงเรื่อยๆ โดยปกติจะใช้เวลาประมาณ 3-4 สัปดาห์ อาจจะเร็วหรือช้ากว่านี้ขึ้นอยู่กับสภาพร่างกายของแต่ละคน และถ้าลองสังเกตดูอาจพบว่า เวลาที่คุณแม่ให้นมลูกนั้นเลือดจะไหลออกมามาก เนื่องจากมีฮอร์โมนออกซิโทซิลหลั่งออกมากระตั้นให้น้ำนมไหล และช่วยบีบรัดมดลูกให้หดตัว จึงช่วยขับเลือดที่ ตกค้างในมดลูกออกมา หากเลือดที่ไหลออกมามีกลิ่นผิดปกติควรแจ้งให้คุณหมอทราบทันที
2.เจ็บคัดเต้านม แม้ว่าคุณแม่จะให้ลูกดูดน้ำนมเหลือง (Colostrums) ทันทีหลังคลอด ซึ่งมีประโยชน์ต่อร่างกายเป็นอย่างมาก แต่หลังจากนั้นน้ำนมจะไหลอีกทีในอีก 2-3 วันหลังคลอด ระหว่างนี้คุณแม่จะมีความรู้สึกคัดเต้านม และมีอาการปวดร่วมด้วย ซึ่งวิธีแก้ไขก็คือ ให้ใช้ลูกประคบอุ่นประคบบริเวณเต้ามนม และพยายามให้ลูกดูดนมบ่อยๆ ถึงแม้ว่าจะยังไม่มีน้ำนมไหลออกมาก็ตาม วิธีดังกล่าวจะช่วยกระตุ้นต่อมน้ำนมให้สร้างน้ำนมเร็วขึ้น ซึ่งอาการเจ็บคัดเต้านมจะค่อยๆ ดีขึ้นเมื่อน้ำนมเริ่มไหล
3.ระบบขับถ่ายแปรปรวน หลังคลอดแล้วคุณแม่อาจจะมีอาการปัสสาวะติดขัด ซึ่งเป็นผลมาจาก การที่กระเพาะปัสสาวะและท่อปัสสาวะถูกกดทับ ในขณะที่ศีรษะของลูกเคลื่อนตัวผ่านออกมาทางช่องคลอด อาการดังกล่าวจะเป็นอยู่ชั่วคราว โดยทั่วไปจะเป็นอยู่ประมาณ 2-3 ชั่วโมง จากนั้นกระเพาะปัสสาวะก็จะเริ่มทำงานตามปกติ คุณแม่ควรดื่มน้ำอุ่นให้มากๆ เพื่อช่วยกระตุ้นให้กระเพาะปัสสาวะขับปัสสาวะออกมาได้ง่ายขึ้น การปล่อยให้ปัสสาวะถูกกักอยู่ในกระเพาะปัสสาวะนานๆ อาจทำให้กระเพาะปัสสาวะเกิดการอักเสบได้ ซึ่งอาการของกระเพาะปัสสาวะอักเสบ คือ คุณแม่จะรู้สึกแสบขัดเวลาปัสสาวะ ถ้ามีอาการดังกล่าวควรแจ้งให้คุณหมอทราบ จะได้ทำการรักษาในขั้นต่อไป สำหรับการถ่ายอุจจาระนั้น คุณแม่บางคนอาจใช้เวลาหลายวันหลังคลอดกว่าจะถ่าย ซึ่งการที่ลำไส้ไม่บีบตัวนี้อาจเป็นเพราะ รับประทานอาหารที่มีกากใยไม่มากพอ หรืออาจจะเป็นเพราะฤทธิ์ของยาชา และยาบรรเทาปวด ที่ส่งผลให้ลำไส้มีการบีบรัดตัวน้อยลง ซึ่งนอกจากการดื่มน้ำมากๆ แล้วคุณแม่ควรหมั่นรับประทานผักและผลไม้เป็นประจำ เพื่อให้การขับถ่ายกลับมาเป็นปกติเร็วขึ้น
4.ริดสีดวงทวาร คุณแม่ที่มีอาการของริดสีดวงทวารในช่วงก่อนคลอด อาการอาจจะเป็นมากขึ้นในช่วงหลังคลอด ซึ่งสร้างความทรมานให้กับคุณแม่เป็นอย่างมาก สำหรับใครที่ไม่ได้เป็นริดสีดวงทวารในช่วงก่อนคลอด ก็มีโอกาสเป็นริดสีดวงทวารหลังคลอดได้เช่นกัน โดยปกติอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นเรื่อยๆ และหายไปภายใน 2-3 สัปดาห์หลังคลอด แต่หากปล่อยให้ท้องผูกและเบ่งถ่ายอุจจาระแรงๆ ก็จะทำให้ริดสีดวงทวารหายได้ยากขึ้น
5.ลำตัวบวม คุณแม่หลายคนมีอาการบวมมากในช่วง 2-3 สัปดาห์สุดท้ายก่อนคลอด และหลังคลอดแล้วอาการบวมก็จะยังคงอยู่ ซึ่งโดยทั่วไปแล้วจะใช้เวลาประมาณ 2 สัปดาห์ กว่าที่อาการบวมตามส่วนต่างๆ ของร่างกายจะหายไปจนหมด
6.ผมร่วง สาเหตุที่ทำให้ผมร่วงเกิดจาการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนภายในร่างกาย โดยอาการจะค่อยๆ ดีขึ้นและหายไปภายใน 3-6 เดือน นอกจากอาการดังกล่าวแล้วก็จะมีอาการเจ็บแผลฝีเย็บและแผลผ่าตัด รวมทั้งเจ็บปวดบริเวณทวารหนัก หากคุณแม่ปฏิบัติตามคำแนะนำของคุณหมอ อาการต่างๆ ก็จะค่อยๆ ดีขึ้นในที่สุด
แหล่งที่มา นิตยสาร : Pregnancy Advisor & Diary
6 เม.ย 2561
9 ธ.ค. 2564
12 ก.ค. 2561
22 ธ.ค. 2567